ยินดีต้อนรับสู่...สถานที่แห่งการฝึกฝนตน พัฒนาจิต เพื่อชีวิตที่รู้แจ้ง  

qa 311-320



๓๑๖.

ถาม
ตอนนี้ผมน่าจะถึงขั้นที่มีธาตุรู้เห็นจิตเกิดดับบ่อยๆ รู้เท่าทันการปรุงแต่งมากขึ้น แต่จิตก็สงบขึ้นเรื่อยๆ เห็นความสงบทำงานเกือบตลอดเวลา ก็เลยต้องดูจิตว่างและปล่อยวางสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำการเดินจงกรมยกมือแบบก่อนมันจะหนักๆ เลยเหมือนทิ้งรูปแบบไปเลย การละเลยรูปแบบจะทำให้เนิ่นช้าไหมคับ อยากขอคำแนะนำ
ตอบ
ลองทำดู เดี้ยวก็รู้เอง...ตำรวจแท้แม้ไร้เครื่องแบบก็จับโจรได้เลย หากผิดก็ให้คิดว่าเป็นทุนการศึกษา หากถูกความก้าวหน้าก็ปรากฎ "ไม่คิด ไม่ซื่อ ไม่ยึด ไม่ถือ " คือธรรมแท้
๓๑๕.

ถาม.
ปฎิบัติธรรมมาหลายปีในรูปแบบจะใช้วิธีดูลมหายใจ และเมื่อจิตไปนึกคิดเรื่องต่างๆ สติจะรู้ทันบ่อยๆ สิ่งที่คิดอยู่ก็จะดับไป ปัจจุบันรู้สึกว่าจิตเป็นสิ่งที่เราบังคับบัญชาให้เป็นไปอย่างที่เราต้องการไม่ได้ อยากถามว่าเมื่อรู้ทันจิตคิด รู้เห็นจิตที่ปรุงแต่งบ่อยๆ ขั้นตอนต่อไปทำอย่างไร
ตอบ
รู้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ รู้จนตัวปรุงแต่งหาย เป็นไปได้สังเกตดูต้นตอบ่อเกิด เหตุปัจจัยสมุหัยของการปรุงแต่งแล้วจะแจ้งในอริยสัจจ์
๓๑๔.

ถาม
ปฎิบัติแบบเคลื่อนไหวมาสักระยะหนึ่ง รู้สึกจิตใจเปลี่ยนแปลงพอควร ความรู้สึกตัวดี แต่ไม่ค่อยต่อเนื่องมักเผลอเวลาพูดคุยหรือทำกิจกรรมกับเพื่อน ทุกวันนี้มักมีอาการเบื่อหน่ายในการแสวงหาอยากอยู่คนเดียว ไม่อยากพูดกับใคร แต่สิ่งเหล่านี้ก็ยังเห็นเป็นแค่อาการอย่างหนึ่งเท่านั้นแต่ก็ออกจากอารมณ์ไม่ได้มันมาให้เห็นเป็นระยะออกยากมาก ผมต้องปฏิบัติอย่างไรจึงจะถึงสภาวะที่ว่าหลุดพ้น อยากปฎิบัติให้ถึงสภาวะนั้น
ตอบ
เบื่อก็ให้รู้ว่าเบื่อ...ฝึกสติให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิ จนสามารถเห็นไตรลักษณ์ปรากฎในทุกอารมณ์ ฝึกเฉยกับความเบื่อ เดี้ยวมันจะหายคลายดับไปเอง อย่าหลงมายาแห่งมารเลย
๓๑๓.

ถาม
กำลังเคลียร์งานเเล้วจะไปวัด และร่างกายยังไม่พร้อมเป็นพาร์กินสันเริ่มต้นยังไม่มีอาการสั่นยังเดินและใช้ชีวิตปกติได้ และมีโรคเครียดจากการทำงาน อยากทราบว่าชึวิตของคนเราเป้าหมายอยู่ที่ไหน
ตอบ
ก่อนอื่นต้องรู้จักความหมายของชีวิตก่อนว่ามันคืออะไร ประกอบไปด้วยอะไร? จะอยู่หรือควรพัฒนาไปทางไหน? ซึ่งก็แน่นอนว่าวิธีการเฝ้าดูชีวิตก็คือภาวนานั่นเอง ทำให้มันสงบคือ สมถะภาวนาทำให้เกิดการเห็นแจ้ง คือ วิปัสสนาภาวนาเกิดปัญญารู้เองเห็นเอง รู้เห็นเป็นเช่นนั้นเองของธรรมชาติ คือ สันทิฎฐิโก รู้ได้เฉพาะตัวคือปัจจัตตัง ความรู้ที่ได้จากภาวนาจึงจะแก้ปัญหาชีวิตได้ถูกต้องตรงประเด็น
คำถามที่ว่าชีวิตคนเราเป้าหมายอยู่ที่ใด อันนี้ขึ้นอยู่กับวุฒิภาวะของผู้ถามมากกว่า เอาเป็นว่าขณะนี้ผู้ถามยืนอยู่ ณ. จุดไหน มุมไหนของชีวิต คำตอบเบื้องต้นก็คงเพียงแค่ให้ออกจากมุมมองอันมืดอันนั้นมาสู่ความสว่าง โล่งแจ้งให้ได้ก่อน ซึมซับบรรยากาศแห่งความสว่าง สะอาด สงบก่อน มีพละกำลังแล้วค่อยเดินทางต่อสู่เป้าหมายภายหลัง ฝึกสติสมาธิมีกำลังแล้วมันจะรู้เองเห็นเองหรอก
เด็กอนุบาลเป้าหมายคือประถม ขณะเดียวกันเด็กประถมเป้าหมายคือมัธยม และเด็กมัธยมเป้าหมายคืออุดมศึกษา คือ รู้ทั่ว รู้หมด รู้ทุกอย่าง ทุกวิชา ทุกแขนง นั่นเอง เช่นเดียวกันเป้าหมายชีวิตก็คือรู้จักชีวิตทุกกระบวนการ เกิด-ดับ ตั้งแต่ธรรมดาสามัญจนกระทั่งถึงปรมัตต์รู้แจ้งแทงตลอดเป็น โลกวิทู รู้แจ้งชีวิตนี้ทั้งหมด เป็นสัพพัญญู รู้แจ้งธรรมธาตุทั้งปวง สิ้นสงสัยในเรื่องราวของชีวิตอีกต่อไป
๓๑๒.

ถาม
1. รู้สึกว่าตัวเองกะพริบตาไม่หยุด (รู้สึกชัดมาก) เป็นเวลานานติดต่อกัน ประมาณเกือบชั่วโมง ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยสัมผัสเป็นครั้งแรก หลังจากนั้น ก็หายไปกลับเป็นปกติเหมือนเดิม ตอนนี้อาการนี้ไม่เห็นอีกแล้วค่ะ
คำถาม ... อาการนี้ คืออะไรคะ ??
ตอบ
สติตื่นตัวระลึกรู้ บวกกับมีปิติหน่อยๆ
ถาม
2. วันหนึ่ง หลังจากเดินจงกรม สร้างจังหวะเสร็จ ขณะที่นอนอยู่นิ่งๆ หนูเห็นความคิดตัวเองไหลมา ไม่ขาดสาย จบเรื่องที่หนึ่ง ไปเรื่องที่สอง สาม สี่ ห้า ... เหมือนเรานั่งมองตู้รถไฟ ที่วิ่งผ่านหน้าไปเรื่อยๆ แต่ละตู้ นั่นคือความคิดหนึ่งเรื่อง จนตกใจว่า ทำไมจิตเราถึงได้คิดอะไรมากมายขนาดนั้น ไม่เหนื่อยบ้างเลยหรือ ?? ตอนนี้อาการนี้ไม่เห็นอีกแล้วค่ะ
คำถาม ... อาการที่เห็น คืออะไรคะ ??
ตอบ
สติตั้งมั่นไม่ไหลเข้าไปในความคิด คือการแยกสติออกจากความคิดเป็น
ถาม
3. ณ. ปัจจุบัน หนูมีความรู้ความคิดเกิดขึ้นแบบแปลกๆ มากมายหลายเรื่อง บางเรื่องไม่เคยรู้ก็รู้ ไม่เคยคิดก็คิด ไม่เคยเข้าใจก็เข้าใจ ยกตัวอย่างเช่น เรื่อง ข้าวปลาอาหาร-พืชผัก-น้ำดื่ม ที่เรารับประทาน มาจากไหน มีความสกปรกน่ารังเกียจอย่างไร เรื่องการทำทาน, เรื่องศีล, เรื่องอาชีพต่างๆ, การกระทำต่างๆ ผิด-ถูก ดี-ชั่วอย่างไรบ้าง ... ฯลฯ ... (นึกได้ไม่หมดค่ะ) ความคิดที่ออกมา จะมีความละเอียด ซอกแซก กว้างไกล ลึกซึ้งกว่าที่เคยคิด จนแปลกใจว่าคิดได้อย่างไร ?
คำถาม ... ความคิดเหล่านี้ เกิดมาจากไหนคะ ?? ความรู้ที่เกิด เชื่อได้ไหมคะ ??
ตอบ
เกิดจากจิตตั้งมั่นและเห็นสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง ควรระลึกรู้อยู่กับปัจจุบันเท่านั้น ปล่อยให้สังขารมันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เกิดดับ รู้เท่านี้ก็พอ
ถาม
4. ณ. ปัจจุบัน เวลามีอะไรมากระทบ หรือมองเห็นอะไร จะมองเห็นเป็นความทุกข์ และความไม่เที่ยงไปหมด ยกตัวอย่างเช่น... เมื่อก่อน เวลาเห็นเด็กตัวเล็กๆ ก็คิดแค่ว่า น่ารักจัง น่ามอง น่าอุ้ม แต่ตอนนี้มองเห็นเด็กเหล่านั้น คือ ทุกข์กองใหญ่ของพ่อแม่ เด็กเหล่านั้นจะต้องไปเผชิญกับทุกข์และความไม่เที่ยงต่างๆ นานา มีความน่ากลัวในวัฏฏะสงสารที่รอเขาอยู่ (รู้สึกน่ากลัว และ น่าเป็นทุกข์ มากกว่าน่ายินดี ) และตอนนี้ สิ่งที่คิดวิตกทุกวันที่ตื่นขึ้นมา คือ ทุกชีวิตกำลังบ่ายหน้าไปสู่ ความเจ็บ ความแก่ และ ความตาย มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความทุกข์ กับความไม่เที่ยง ทำให้รู้สึกหดหู่มากเลยค่ะ และรู้ว่า ถ้าไม่อยากเจอสิ่งเหล่านี้ มีทางเดียวเท่านั้น คือ ต้องไม่กลับมาเกิดอีก บางทีใจก็ดิ้นอยากออกจากกองทุกข์ และเกิดความกลัวว่า ตัวเองจะไม่พ้นทุกข์ในชาตินี้ เป้าหมายในการปฏิบัติของหนู คือ " ต้องไม่กลับมาเกิดอีก " เพราะหนูเห็นแล้วว่า การเกิดเป็นเรื่องน่ากลัวที่สุด
คำถาม ... ความคิดเหล่านี้ เกิดจากอะไรคะ ?? ในระหว่างที่มีความคิด หนูควรต้องระมัดระวังอะไรบ้างคะ ??
ตอบ
เกิดจากความเห็นสัมมาทิฎฐิ ระวังอย่าเข้าไปในความคิด ต้องรู้ตัวต่อเนื่องให้มากกว่า
ถาม
5. ณ. ปัจจุบัน หนูรู้สึกว่า ตัวเองลืมง่ายมาก เช่น คุยกับคนอื่นเรื่องโน้นเรื่องนี้ แล้วก็ลืมไปเลยว่า คุยว่าอะไรบ้าง บางทีพูดจบปุ๊บ ก็ลืมปั๊บเลยค่ะ แต่ถ้าเป็นความรู้ที่เกิดขึ้นเอง หนูจะไม่ลืมค่ะ
คำถาม ... สภาวะนี้ เกิดจากอะไรคะ ??
ตอบ
อย่าใส่ใจในความคิด ความรู้ ใส่ใจในสติให้มาก สภาว คือ ซ็อคสัญญาณเดิม ปฎิบัติการล้างสัญญาเก่า
สุดท้าย อย่าเอาความขี้เกียจเป็นนาย อย่าให้ความสบายเป็นมาร
๓๑๑.

ถาม
เมื่อเจริญสติด้วยการกำหนดรู้ที่มือที่เราเคลื่อนไหวจะรู้สึกจนเห็นว่าเรากำลังจับได้ว่ามือเราข้างไหนกำลังทำอะไรอยู่นั้นเรียกได้ไหมว่าเรามีสติ
ตอบ
ได้
ถาม
เมื่อเป็นหลักข้อแรก แล้วทำไมร่างกายมันสั่น และหลุดออกจากตรงนั้นเร็วมาก
ตอบ
ปิติ ตื่นเต้น...มันเป็นอารมณ์เกิดได้ ดับได้ มีได้ หายได้ ช้าเร็วขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย
ไม่มีความคิดเห็น:
qa 301-310
๓๑๐.

ถาม
การเจริญสติด้วยการเคลื่อนไหว หลับได้ไหม
ตอบ
หลับได้แต่ระวังอันตรายมันเยอะอุปสรรคมันมาก หากปฏิบัติระยะยาว , นาน , จะง่วงง่าย, เผลอเข้าไปอยู่ในความคิดโดยไม่รู้ตัว, เกิดนิมิตต่างๆ ได้ง่าย - สรุปเทคนิคนี้อาจเอื้อสำหรับบางคน
๓๐๙.

ถาม
ได้ฝึกปฎิบัติแล้วรู้สึกปวดหัวเหมือนไปเพ่งความคิดตลอด ช่วงหลังมันหลงไปในความคิด จะรู้สึกตัวเบา วูบวาบ แม้กระทั่งนอกเวลาปฏิบัติ ไม่ทราบว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
ตอบ
การปฎิบัติไปด้วย พร้อมกับมีผู้ดูแลแก้ไขอารมณ์ปฎิบัติไปพร้อมเป็นเรื่องดีที่สุด เพราะเป็นเรื่องปัจจุบัน เรื่องของการแก้ไขอารมณ์กรรมฐานนั้นเป็นเรื่องของปัญญาความรู้ในกองสังขาร คือ ภาพรวมทั้งหมดคือขั้นพื้นฐานอุปนิสัย ทิฎฐิ จริยา ความคิด พื้นฐานอารมณ์ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิปัญญา ฯลฯ คือเป็นการปรับอินทรีย์5 ให้เป็นปัจจุบันธรรมตลอดเวลา จึงจะมีผลมากกับผู้ปฎิบัติ พูดง่ายๆ ให้เข้าใจ คือ ครูบาอาจารย์ต้องดูแลควบคุมการปฏิบัติเอง ให้อารมณ์ สอบอารมณ์ ปรับอารมณ์เองการปฏิบัติจึงไม่สะดุด ไม่พลาด....ในกรณีนี้รู้ว่าเพ่งก็อย่าไปเพ่ง แม้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตามก็เพียงแต่สักแต่ว่ารู้เท่านั้น รู้สึกตัวสบายๆ แต่หนักแน่นมั่งคง ไม่หลง...ไม่อยาก
๓๐๘.

ถาม
อยากทราบว่าทำไมสกลนครถึงมีเกจิอาจารย์หลายท่าน จนได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งธรรมะ
ตอบ
คงเพราะความสัปปายะ 5 ได้แก่ อาหารสัปปายะ , อากาศสัปปายะ , อาวาสสัปปายะ , บุคคลสัปปายะ , ธรรมะสัปปายะ
๓๐๗.

ถาม
หนูมีญาติผู้ใหญที่นิยมในทางธรรม ปฏิบัติอยู่เสมอไปช่วยงานที่สำนักปฏิบัติประจำ แต่ได้ยินเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับเจ้าสำนักนั้นๆ ว่าดื่มเบียร์ และอยู่กับสีกา แต่ญาติผู้ใหญ่ท่านนั้นก็แก้ต่างให้ตลอด และให้ความเชื่อถือมาก มีอะไรก็เอาไปให้หมดถึงกับจะเอาของที่บ้านไปขายเอาเงินไปทำบุญ ใครว่าท้วงติงก็ไม่ฟัง บ้างก็ว่าเจ้าสำนักคนนี้มีของ หรือไม่ก็อาจจะเชื่อมากจริงๆ ด้วยตนเอง ในกรณีนี้ตัวหนูนึกหลวงตา จึงอยากเรียนปรึกษาว่าควรทำอย่างไรดีค่ะ เป็นไปได้ไหมว่าจะโดนของจริงๆ หรือถ้าเชื่อด้วยตนเองจริงๆ ทางบ้านก็เป็นห่วงว่าปล่อยไปอย่างนี้จะดีหรือ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร
ตอบ
ความจริงเรื่องนี้ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรแท้ แต่การที่เราจะคิดเรื่องของคนอื่น มันทุกข์น่ะด้วยเพราะการเป็นญาติมิตรก็คงอดไม่ได้ต้องช่วยเหลือให้เขาเกิดปัญญา ซึ่งแน่นอนว่าผู้ช่วยเหลือชี้ทางก็ต้องเป็นผู้มีการตั้งตนไว้ชอบ (อัตตสัมมาปณิธิ) ประพฤติเป็นแบบอย่างที่ดีได้จนผู้ที่จะได้รับ การชักนำชี้แนะเกิดศรัทธาเลื่อมใส ทำนองว่าตัวอย่างที่ดี มีค่ากว่าคำสอน....เป็นไปได้ไหมที่จะชักนำทั้งกายและใจเขาไปหาบัณฑิตหรือกัลยาณมิตรที่มีความรู้ความสามารถ ปฏิปทา อันเยี่ยม จนสามารถเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดการพลิกจิตถ่ายคืนอัตตาความคิดที่หลงทางกลับมาได้....ไม่รู้ว่าคนผู้ต้นเหตุมีอัตตามากมายแค่ไหน อุปนิสัยเป็นอย่างไร การวินิจฉัยนี้จึงลำบาก แต่อย่างไรก็ตามก็เป็นกำลังใจให้ผู้มีจิตเมตตาอยากช่วยเหลือผู้อื่นพ้นทุกข์ให้ทำไปเถอะ จงอย่าท้อถอยพยายามให้มากแล้วจะเห็นทางด้วยตัวของตัวเอง เชื่อไว้เสมอว่าทุกอย่างไม่เที่ยงทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะวัตถุหรืออารมณ์ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น นี้เป็นพุทธพจน์นะ
๓๐๖.

ถาม
หลังจากกลับมาจากปฏิบัติธรรมช่วงแรกๆ ก็เจริญสติไปเรื่อยๆ เพราะอยากให้คนในบ้านเห็นจุดเปลี่ยนดีๆ ของหนูบ้าง แต่ตอนหลังเริ่มติดกิเลสอ้างโน้นนี่นั่นมากมายจนละการเจริญสติ หนูเห็นว่าตัวเองเป็นคนตั้งใจทำอะไรเกินไปและให้ความหวังกับสิ่งที่ตนทำมากๆ พอทำไม่ได้ก็เสียใจมากเช่นกัน รู้สึกว่าเวลาทำอะไรไม่สำเร็จเช่น สอบไม่ผ่าน มันจะมี 2 สิ่งเกิดขึ้นคือ
1. นึกถึงคำสอนของหลวงตาว่าให้อยู่กับปัจจุบันแล้วปล่อยให้อดีตมันผ่านไป
2. โทษตัวเองทุกครั้ง
บางทีความคิดพวกนี้มันวุ่นวายอยู่ในหัวจนรู้สึกสับสน ทำให้ทำงานอย่างอื่นไม่ได้ บางทีหนูก็อยากร้องไห้ บางทีหนูก็รู้สึกโล่ง
ตอบ
"ยึดสิ่งใด ก็เป็นทุกข์เพราะสิ่งนั้น" ฝึกใจให้อยู่กับปัจจุบัน ปล่อยวางสิ่งที่จรเข้ามา...เฉยกับความคิด ความคิดก็จะไม่ติดตามเรา ฝึกเรียนรู้วิธีอยู่กับความโล่ง ค่อยทำ ค่อยเป็น ค่อยไปทำตามธรรม อย่าทำเพราะความอยาก ฝึกสติให้เห็นตัวใจ ว่างจากความยึดถือ หนูต้องขยันปฏิบัติในรูปแบบทุกๆ วัน เช้า เย็น ต้องเข้ารหัสรูปนามให้ได้ ไม่ต้องรีบร้อน ใจร้อน ทุกข์เป็น ใจเย็น ทุกข์ดับ...อย่าไปหงุดหงุดกับสัญญา เวทนา อารมณ์ ฯลฯ สิ่งที่เราอยากเป็นภาพลวงตาทั้งนั้นแหละ ฝึกตามนี้รับรองทุกข์หาย...โอมเพี้ยง
๓๐๕.

ถาม.
เคยนั่งดูกิริยาตัวเองตอนทานข้าวว่าการเคลื่อนไหวของร่างกายเป็นอย่างไรแล้วก็เหมือนกับว่ามีเราอีกคนกำลังดูคนที่กำลังนั่งทานข้าว สักแป๊ปเดียวหลังจากนั้นก็ไม่กล้าสังเกตความเคลื่อนไหวของตัวเองอีกเลย
ตอบ
การทำกรรมฐานเห็นไหม...ทำได้ไม่ยาก ก็ฝึกดูกิริยากาย(รูป) ดูกิริยาจิต(นาม) แต่ตัวดู (สติ) ต้องมีพลัง (สมาธิ) เพียงพอ จึงจะได้ประโยชน์เป็นสัมมาทิฐิ คือ ดูเป็น เห็นถูก ทุกข์ดับ หากเราฝึกสติรู้ตัวตามขั้นตอน จึงมีผลดังนี้
1. ไม่เห็นมีอะไร มันก็เป็นของมันอยู่อย่างนี้ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ดูแล้วก็ไม่เห็นจะได้อะไร
2. เห็นแล้วเกิดปิติซาบซึ้งน่าสงสารจิตเป็นสมาธิ
3. เห็นรูปกับนามเป็นของน่าเบื่อหน่าย
4. เห็นเป็นของน่ากลัวสลดหดหู่ถึงกลับอยากหลุดพ้น
5. เห็นแล้วปล่อยวางเป็น เห็นความว่างเกิดความแจ่มแจ้งเป็นวิปัสสนาญาณด้วยญาณทัศนะ
6. เห็นความหลุดพ้นของจิตจากอวิชชา
๓๐๔.

ถาม
ตอนนี้ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ ก่อนมาชอบธรรมะมาก พอมาอยู่ต่างประเทศยิ่งเห็นทุกข์ชัดเจนมากเลยตั้งใจว่าอีกไม่นานเมื่อลูกโตก็จะกลับไปปฏิบัติธรรมแบบเต็มที่ หาวิธีแก้ทุกข์โดยการปฏิบัติธรรมตามแนวหลวงพ่อเทียนและพยายามปฏิบัติให้ได้โดยการเดินจงกรมวันละ 2 ชั่วโมง จิตใจก็ดีขึ้นบ้างแต่อาการโกรธ หงุดหงิดกับลูกและภาระกิจต้องทำ ขอคำแนะนำการฝึกปฎิบัติเพื่อจิตใจจะยอมรับและทำหน้าที่มีอยู่ปัจจุบันอย่างสงบและปล่อยวาง
ตอบ
ต้องฝึกให้ต่อเนื่องแนะนำให้เข้าคอร์สฝึกจริงๆ จังๆ ให้ต่อเนื่อง มีกัลยาณมิตรให้คำปรึกษา ในขณะฝึกจะทำให้เกิดความเข้าใจ เกิดความก้าวหน้าได้ไว...เรื่องอารมณ์ อย่าทำเป็นเล่นๆ ไป อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะอารมณ์มันเข้ามาทำหน้าที่บงการชีวิตในรูปแบบของผู้ร้าย ก่อนธรรมะซึ่งเป็นเรื่องของจิตที่ดีๆ ได้ถูกแย่งพื้นที่ครอบครองไปแล้ว
เราควรใส่ใจกับชีวิตที่ปกติสุข ว่างจากทุกข์ให้มาก...นี่มันกำลังเปลี่ยนชีวิตคุณเป็นคนใหม่แล้วไง ชีวิตที่มีแต่โทสะ...ไม่อยากพูดมันน่ากลัว
๓๐๓.

ถาม
กลับมาจากวัดครั้งล่าสุดมองเห็นตัวเองมีแต่ความทุกข์และเป็นทุกข์เดิมๆ ทั้งกายและใจเห็นแล้วสงสารตัวเองที่จมอยู่ในกองทุกข์มากมาย แต่ก็ยังไม่มีปัญญาหยุดพ้นจากกองทุกข์นี้ เห็นใจตัวเองร้องไห้บ่อยๆ
ตอบ
ทางพ้นทุกข์คือ ระลึกรู้สึกตัวต่อเนื่องให้มากๆ อย่าให้ใจหลงเข้าไปในอารมณ์
๓๐๒.

ถาม
1.ปัจจุบันมีสภาวะแปลกๆ คือ ในหัวตึงๆ หนักๆ เป็นมาแล้ว มันเหมือนมีอะไรมาเต้นตุบๆอยู่ในหัว ไม่ได้เป็นตลอดเวลา แต่ช่วงหลังๆ เป็นบ่อยขึ้น มันเกิดจากอะไร และต้องแก้ไขอย่างไร
2.เกิดสภาวะที่ว่า อยู่ๆ ความจำก็หายไป บางครั้งเจอคนที่รู้จักแต่นึกไม่ออก มันเหมือนเรื่องนั้นมันหายไป ทั้งที่รู้ว่าเรื่องนั้นมันคืออะไรแต่นึกไม่ออก ช่วงหลังเป็นบ่อย เกิดจากอะไร ต้องแก้ไขอย่างไร
ตอบ
มาหาหมอที่วัดเพื่อจะได้ดูอาการชัดๆ ดีกว่าไหม จะได้วินิจฉัยถูก
๓๐๑.

ถาม
ขอสอบถามการฝึกในช่วงเวลาไม่มีการอบรม เนื่องจากมีเวลาจำกัด หากประสงค์ขอเข้ารับการฝึกตน จะได้หรือไม่ ข้อจำกัดอีกประการคือ ยังไม่เคยมีพื้นฐานในการปฏิบัติธรรมมาก่อน แต่ได้อ่านรายละเอียดการสมัครและฝึกการเคลื่อนไหวจากเวบไซด์มาบ้างแล้ว
ตอบ
เข้าตรงตามเวลาที่มีคอร์สจะดีกว่า (ดูตารางการอบรมในเวบ)
ไม่มีความคิดเห็น:
qa 291-300
๓๐๐.

ถาม
เวลาก่อนนอนได้เจริญสติโดยการยกมือแบบหลวงพ่อเทียน แต่เวลาจะนอน กลับนอนไม่ค่อยหลับเหมือนจิตมันตื่น และจิตจะฟุ้ง กำหนดสติแล้วก็เอาไม่อยู่ต้องปล่อยและพยายามดูจนกว่ามันจะอ่อนลงและหลับไปเอง (ไม่เป็นทุกวัน แต่ส่วนมากจะเป็นก่อนหน้านี้เคยปฏิบัติแบบนั่งสมาธิก็เป็นเหมือนจิตมันตื่น อยากทราบว่าเป็นเพราะอะไร
ตอบ
ต้องให้มันเป็นธรรมชาติที่สุด เจตนารู้หรือเพ่งจับจ้องมากไปก็จะเป็นอย่างนี้แหละ
๒๙๙.

ถาม
มีแต่ความว่าง สงบ ร่มเย็น จิตไม่ค่อยปรุงผัสสะก็ไม่ตกใจ ไม่กระเพื่อม ไม่เกาะเกี่ยว แต่ไม่รู้อะไรสักอย่างกับขั้นของญานของฌานที่จะเทียบเคียงเลย (แต่ไม่สนใจอยากเทียบเคียงเท่าไรเฉยๆ) แต่มั่นใจว่าดำรงอยู่ในสัมมาสติและสัมมาทิฐิตลอด (ภาวนาแบบเคลื่อนไหว นั่งลืมตาสร้างจังหวะ และรู้สึกตัวในชีวิตประจำวัน
ตอบ
รู้ใจให้มาก สติรู้จักจิต สมาธิชำระใจให้เห็นเกิดดับเป็นปัจจุบันในทุกอารมณ์
๒๙๘.

ถาม
ในช่วงนี้ ทำความรู้สึกตัวให้ชัดกับทุกอิริยาบถของการเคลื่อนไหวและพยายามทำให้ต่อเนื่อง ยิ่งทำให้ชัดมากเท่าไหร่ ยิ่งเห็นตัวตนมากขึ้น โดยเฉพาะความโกรธ ความไม่พอใจ ตอนนี้ระลึกถึงหลวงตาสุริยามากเลยค่ะ จะขอเข้าปฏิบัติธรรมค่ะ เพื่อให้รู้ต่อเนื่องและชัดมากขึ้น
ตอบ
ความต่อเนื่องของการพัฒนาอินทรีย์ทั้งห้า เป็นการศึกษาการทำใจขั้นสูง ศีลธิศีลสิกขา อธิจิตตสิกขา อธิปัญญาสิกขา สามารถประจักษ์แจ้งไตรลักษณ์ในขันธ์ได้ ตามคุณภาพของอินทรีย์ตามแต่ฐานานุรูป
๒๙๗.

ถาม
มีธาตุรู้แล้วจะทำอย่างไรถึงจะรู้ธาตุตามความเป็นจริง
ตอบ
เพื่อเจริญสติจนสัมผัสธาตุรู้ได้แล้ว ก็ควรประคองไว้ให้เจริญเติบโตขึ้นไปอีก เหมือนกับการปลูกต้นไม้เสร็จแล้วก็ต้องมีคนดูแล บาลีมีว่า
ภาวนา เฝ้าดู เฝ้ารู้
ภาวิตา ทำให้เจริญ ทำให้ต่อเนื่อง
พหุลีกตา ทำให้มากๆ แล้วๆ เล่าๆ อยู่อย่างนั้น
สังวัตตันติ ทำจนถึงธรรม (กรรมฐานยิ่งๆ ขึ้นไป)
อภิญญายะ ทำจนเกิดสภาวะรู้ยิ่งเห็นจริง
สัมโพธิยา ทำจนรู้ถูก รู้ถึง รู้พร้อม
นิพานายะ ทำจนรู้แจ้งพระนิพพาน
๒๙๖.

ถาม
การที่จะบอกว่าคนนั้นดี ต้องทำเหมือนเราหรือไม่ และการที่บอกว่าคนนั้นไม่ดีต้องทำเหมือนเราหรือไม่
ตอบ
คนดีมีหลายระดับ อยู่ที่ว่าจะใช้เกณฑ์อะไรวัด? เป้าหมายเพื่ออะไร ?.......ดีที่สุดคือ ว่างจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน พ้นทุกข์แบบพระพุทธเจ้าเป็นอาทิ พระอรหันต์สาวกทั้งหลายรองลงมา และสุดท้ายคือดีแบบชาวบ้านเราๆ ท่านๆ คือ เอาศีลธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม เป็นเครื่องชี้วัด.........ถ้าเรามีดี(ธรรมสัจจะ) ในตัวจริงๆ เป็นผู้รู้เท่าทันทุกข์ เป็นผู้สิ้นทุกข์ เราเองก็สามารถเป็นเครื่องชี้วัดให้กับคนอื่นและปรากฎการณ์ในสังคมได้ ความดีวัดที่มีปัญญารู้แจ้งอริยสัจจ์ ไม่ดีคือชีวิตที่ถูกครอบทับด้วยตัณหาอวิชชา
๒๙๕.

ถาม
ตอนผมนั่งสมาธิอยู่ก็มีความคิดเกี่ยวกับกามราคะขึ้นมาทำให้เมื่อก่อนที่จิตใจสงบวันต่อมาเหมือนกับจิตใจไม่สงบเหมือนเมื่อก่อนมีวิธีแก้ยังไงบ้างครับ
ตอบ
1.กลบเกลื่อนได้ก็ให้ทำไปก่อน
2.พิจารณาเห็นโทษของการที่จิตติดอยู่ในอารมณ์นั้น จนกระทั่งดับไปต่อหน้าต่อตา
3.อยู่ในอิริยาบถใดก็ให้เจริญสติอยู่ในอิริยาบถนั้นๆจนกว่ากามวิตกนั้นจะหายไป กลับสู่ความปกติได้ดังเดิม
๒๙๔.

ถาม
หนูมีความกังวลเรื่องที่กรรมเก่า ถ้าหากมีคนทักว่าระวังนะจะเกิดอุบัติเหตุ หรือบอกว่าระวังนะจะมีเรื่องราวไม่ดีเกิดขึ้น หนูกังวลมากทำอย่างไรดีถึงจะไม่กลัวสิ่งที่คนมาทักคะ
ตอบ
1.พิจารณาดูให้ถ้วนตรองให้ถี่ หากเขาทักคุณทุกวันๆ ทุกชั่วโมง ทุกคน ทุกครั้ง ที่เจอหน้ากันแล้ว ถ้ายึดอยู่อย่างนี้เราจะไม่แย่หรือ
2.อย่าให้ใจอยู่กับอดีต อนาคต
3.ลบข้อมูลพวกนี้ออก อย่าใส่ใจให้มากจะกลายเป็นอารมณ์
4.ฝึกสติให้เข้มแข็งเข้าไว้ สามารถอยู่กับความจริงที่เป็นปัจจุบันขณะนี้ได้
๒๙๓.

ถาม
อยากสอบถามเรื่องกฎแห่งกรรม และอยากได้คำเทศนาเพื่อทำใจตัวเอง
ตอบ
เอาย่อๆ นะ .....กรรมคือการกระทำมีสองอย่าง คือ ทางกาย กับทางจิต ....กฎแห่งกรรมก็คือ ถ้าทำกรรมด้วยอารมณ์ใดก็จะเป็นเหตุปัจจัยให้ได้รับผลกรรมนั้น (อารมณ์เป็นสมุทัย สุข, ทุกข์ , ว่าง เป็นผล, หรือนิโรธ ) หากใจไร้อุปาทานกรรมที่ทำไว้ก็ไร้ผล (ไม่มีทุกข์) ตามมา
๒๙๒.

ถาม
หนูมีความรู้สึกว่าสิ่งที่หนูกำลังปฏิบัติอยู่คือการรู้สึกตัวนั้น ยังไม่ค่อยจะทำได้โดยความโล่งจากใจสักเท่าไร แต่หลวงตาเจ้าคะถ้าหนูจะค่อยๆปฏิบัติอย่างตั้งใจสักวันหนึ่งมันก็อาจจะสำเร็จได้ใช่ไหมคะ? หนูรู้สึกว่าการก้าวเดินของชีวิตและสติมันจะต้องไปด้วยกันเสมอหากแต่ว่าถ้าหนูอยากจะลองก้าวเดินอย่างช้าๆแต่มันมั่นคงกว่าโดยที่เราไม่ต้องหลงไปเดินถอยหลังอีก โดยที่สติน้อยๆแต่ฐานมั่นคงแล้วค่อยเพิ่มพูนขึ้นทีละนิด หลวงตาคิดว่าวีธีนี้ดีหรือไม่คะ?
ตอบ
ใช่ แต่ต้องทำให้ถูกนะ ........ ดี ให้ทำจริงเด้อ
๒๙๑.

ถาม
เมื่อกลางปีที่แล้วโยมไปภาวนา วันที่ 6 เตรียมนอนค่ะ แต่ทำยังไงก้อนอนไม่หลับ เพราะเกิดสภาวะเหมือนเราเปิดปิดไฟ ตรงบริเวณกลางลำตัว เกิด ดับ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยนอนดูที่ลมหายใจเพราะปกติเวลานอนไม่หลับจะทำแบบนั้น แต่กลายเป็นว่าไปรู้สึกถึงชีพจรที่ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม ยังแอบคิดว่าทำไมหัวใจเต้นแรงจังไม่สบายหรือเปล่า และเห็นถึงการทำงานของชีพจร ลมหายใจ ท้องพองเข้ายุบออก เกิด ดับ ๆๆ ต่างคนต่างทำหน้าที่ของเค้าไปพร้อม ๆกัน คืนนั้นทั้งคืนจิตตื่นไม่ยอมนอนแทน นอนพลิกไปพลิกมา มาเผลอหลับตอนไหนไม่รู้ สรุปสภาวะเกิดดับ เกิดขึ้น 2 วัน 1 คืน พอออกจากครอส์มา ไม่ได้ทำต่อเนื่องสภาวะนี้หายไป ...
และอยู่ ๆ ประมาณปีที่แล้วค่ะ จิตมันเกิดมรณานุสติเองโดยอัตโนมัติ ทำให้เห็นว่าความตายมันใกล้นิดเดียวไม่อยากประมาทกับชีวิตอีกแล้ว บางทีนั่งผิงไฟอยู่ จิตมันพูดขึ้นมาว่า นี่ไฟในนรกร้อนกว่านี้อีกนะ พอไปต้มไข่ระหว่างรอ มองน้ำเดือด ๆ จิตมันพูดอีกว่าน้ำในนรกร้อนกว่านี้ จิตเกิดความเกรงกลัวต่อบาปมาก มีอยู่ครั้งนึงน้องสาวมาหาพากันไปเที่ยว Sea world คนอื่นสนุกสนานเฮฮา โยมเองเกิดความสังเวช มองดูสัตว์เหล่านั้นด้วยความสงสาร นึกในใจว่าถ้าต้องเกิดมาเป็นเดรัจฉานคงน่ากลัวมาก เลยกลายเป็นความเห็นแต่ความทุกข์ ไม่ได้สนุกสนานกับใครเค้าเลยค่ะ
ตอบ
เพียรฝึกสติระลึกรู้ให้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ประคองสติให้อยู่กับรูปนาม ทำให้ยาวนานมากๆ กว่านี้หน่อยจิตจึงจะเกิดสภาวะธรรมอะไรๆ ที่มากกว่านี้
ไม่มีความคิดเห็น:
qa 281-290
๒๙๐.

ถาม
เคยไปฝึกสมาธิที่วัดเมื่อหลายปีที่แล้วประทับใจมาก และยังจำคำสอนของหลวงตามาตลอด แต่ตอนนี้มีเรื่องหนักเกินไป หนูทำใจฝึกจิตคิดตามแบบที่หลวงตาสอนไม่ได้ คิอ ปาป๊าป่วยเพิ่งทราบว่าเป็นมะเร็ง หนูร้องไห้เวลานึกถึงปาป๊าตลอด และคิดว่าแบบนี้ไม่ไหวแน่ๆและคนที่หนูนึกถึงเวลาที่หนูคุมใจตัวเองไม่ได้คือหลวงตา หนูอยากคุยกับหลวงตาเผื่อมีอะไรจะช่วยเตือนสติหนูค่ะ
ตอบ
เกิด แก่ เจ็บตาย โรคภัยไข้เจ็บ ชาติ ชรา มรณะ เป็นธรรมชาติพัฒนาการของสังขาร ทุกสรรพชีวิตต้องไหลไปสู่ภาวะนั้นอยู่แล้ว เร็วช้าขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย แต่จะไม่มียกเว้นใครๆ หรือสิ่งใด ท่านผู้รู้กล่าวว่า วันเวลา เกิด แก่ เจ็บตาย โรคภัย ไข้เจ็บ ฯลฯ เป็นมัจจุราช กลืนกินบุคคลผู้หลงเดินอยู่นอกมรรค ผู้เพลินอยู่ในวัย อายุ สุขภาพ ทรัพย์สมบัติ สมมุติ ประดุจหนึ่งน้ำในฤดูฝนหลากมาพัดเอาบุคคลผู้มามัวนอนหลับอยู่ให้พินาศฉันนั้น
๒๘๙.

ถาม
สร้างจังหวะอยู่เฉยๆ ก็เกิดมีความต้องการทางเพศขึ้นมาอย่างรุนแรง วันหนึ่งๆ มีความต้องการ 4-5 ครั้ง ติดต่อกัน 3 วัน จนไปทำงานตามปกติ มันถึงได้หายไป อยากทราบว่าอาการที่เกิดขึ้นเพราะการปฏิบัติหรือเปล่า เพราะไม่เคยเป็นรุนแรงอย่างนี้มาก่อน มาถูกทางหรือมาผิดทางคะ
ตอบ
เป็นไปได้... อารมณ์นี้เราจะปฎิบัติหรือไม่ปฏิบัติมันก็มีอยู่แล้ว แต่การปฎิบัติจะทำให้เราเห็นอารมณ์นี้ชัดขึ้น เหมือนการสร้างเขื่อนขวางทางน้ำ หากคิดจะทำต้องทำจริง จังๆ กันไปเลย ทำให้กลายเป็นเขื่อนไปเลย...เวลามันเป็นมากๆ หากเราผ่านได้ เราจะได้ความรู้และประสบการณ์เอาตัว(จิต)รอด ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม โดยเฉพาะผู้ใหม่ยิ่งต้องอดทนให้มาก การปฏิบัติธรรมคือปฏิบัติการฝืนเอาชนะความรู้สึกแบบโลกๆ โดยเฉพาะกามฉันทะ ซึ่งเป็นกิจแรกๆ ในนิวรณ์ห้าอย่าง ถ้าแพ้ตัวแรก ตัวอื่นก็ไม่ต้องพูดถึง ถ้าเอาชนะตัวแรกได้เราก็จะได้ไปต่อ... มาถูกทางแล้ว อย่าท้อใจนะ ยามท้อขอให้รู้สึกตัวให้มาก
๒๘๘.

ถาม
ในความว่างในภาวะธรรมระหว่างสูญญตา กับ นิพพาน ต่างกันอย่างไร เข้าใจว่าสุญญตาเป็นภาวะที่เกิดแล้วดับจนเกิดความว่างนิทาน เป็นภาวะที่ว่างแบบไม่มีเกิดขึ้นมาอีกเลยในจิตนี้
ตอบ
สุญญตา อนัตตา นิพพานเป็นความหมายที่พระพุทธเจ้าใช้ เป็นสภาวะเดียวกัน เราอาจเข้าใจหรือยืมใช้เรียกสภาวะที่เป็นเล็กน้อย เช่น สุญญตา อนัตตา นิพพาน ขั้นรูปนาม หรือ ขั้นปรมัตถ์ หรือ สุญญตา อนัตตา นิพพาน ขั้น วิมุติหลุดพ้นไปเลย ......หรือแบบคิดจินตนาการเอากับประจักษ์แจ้งแทงทะลุ
๒๘๗.

ถาม
เป็นพระถ้าจะไปปฎิบัติต้องทำอย่างไร
ตอบ
ท่องคำแสดงอาบัติให้ได้แล้ว มาเข้าฝึกตามคอร์สได้เลย
๒๘๖.

ถาม
อ่านหนังสือธรรม หนังสือสวดมนต์เกิดปัญญาไหมครับ
ตอบ
ได้ ปัญญาคือ ความเข้าใข ความรู้เห็นตามความเป็นจริง เป็นสภาวะดับกิเลสกองทุกข์ (ที่เกิดจากอวิชชาความไม่รู้แจ้ง) ได้ ซึ่งมีอยู่ 3 ระดับ คือ
เกิดจากการฟัง การอ่าน การทัศนศึกษา
เกิดจากการพินิจพิเคราะห์ตรองตาม
เกิดจากการเอาสติเฝ้าดูธรรมารมณ์ที่เกิดกับจิตโดยตรงจนเกิดปฏิกิริยาการเห็นแจ้งดับทุกข์ที่เราเรียกว่า ญาณทัศนะวิมุติอย่างไรเล่า
๒๘๕.

ถาม
ตอนนี้โยมต่อสู้กับกิเลสอย่างแสนสาหัสทุกๆเรื่อง โยมรู้ว่ามันยากจริงที่รักษากายและใจให้มันปกติ ทั้งๆที่มองเห็นตัวโกรธ ตัวน้อยใจ ตัวหลง ก็ยังอยากจะขอลองชิมอีกนิด จิตจะบอกว่าขอหน่อยๆ ทั้งๆที่รู้แล้ว โยมเดินผ่านประตูนรกเพื่อมาสัมผัสความร้อน โยมเล่าให้หลวงตาฟังเผื่อหลวงตาจะแนะนำหลักสูตรที่เหมาะสมกับโยมให้ แต่โยมก็ทำตามคำสอนของหลวงตาค่ะ รู้สึกตัวไปเรื่อยๆ ทำจนกว่าจะได้พบพระพุทธเจ้า
ตอบ
รู้ทาง เห็นทางแล้ว ต้องเดินให้ห่างนรก ต้องหมั่นพัฒนาจิตจนเป็นอริยชน ผู้ปิดประตูนรกได้โน่นเลยทีเดียว.
๒๘๔.

ถาม
อยากให้แม่มาปฏิบัติค่ะ ครั้งแรกตกลงว่าจะมาปฏิบัติด้วยกันที่เชียงใหม่แต่แม่ก็เบี้ยว ก็เลยไปคนเดียว พอครั้งนี้นัดกันจะไปปฏิบัติด้วยกันที่วัดป่าโสมพนัส วันที่ 21-28 มีนาคม 2555 มีแววว่าจะเบี้ยวอีก ทั้งที่จองตั๋วเครื่องบินไว้แล้ว หนูไม่รู้ว่าลึกๆ แม่กลัวอะไร แม่ไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพเพราะวิ่งลู่วิ่งทุกวัน วันละ45นาที หนูควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรและควรวางใจกับเรื่องนี้อย่างไรคะ
ตอบ
เอาอะไรแน่นอนกับใจนี้ไม่ได้ หมั่นสร้างเหตุปัจจัยเข้าไว้เถิด คงมีสักวันจะเกิดกุศลกรรมค้ำจุนหนุนส่ง...หรือเพราะเรายังช่วยตัวเองไม่พอ เถอะน่า..อีกสองคอร์ส แม่เธอมาแน่...
๒๘๓.

ถาม
ไม่ทราบว่าหลวงตาพอจะมีกุศโลบายในการทำความเพียรในขณะที่มีเวทนาทางกายสูง ๆ อย่างไรคะ หนูมักจะต้องล้มเลิกความตั้งใจในการเพียรอยู่เรื่อย เวลาป่วยมากๆจะแพ้มันทุกที
ตอบ
เลิกทำไมอีกนิดเดียวก็จะทะลุถึงแล้ว ศึกษาวันนี้ รู้แจ้งเดี๋ยวนี้ ชนะได้ขณะนี้ไม่ดีกว่าหรือ จะมัวรีรอโอ้เอ้อยู่ใย คิดว่าอายุมากนักหรือ เกิดตายตอนนี้จะว่าอย่างไร..เอ้อ คนหนอคน.
๒๘๒.

ถาม
เวลาที่เห็นความคิดมันก่อตัวขึ้นหลังจากที่โดนกระทบทางตา หู จมูก ลิ้น ก็จะมีตัวบอกว่าเริ่มคิดแล้วนะ....มันก็จะหยุด พอกระทบที่ใจมันก็จะสั่นไหว...แล้วก็หยุดได้ แต่พอเป็นความคิดที่ไม่ได้เกิดจากการกระทบในปัจจุบัน มันผุดมาเอง บางครั้งก็รู้เรื่อง บางครั้งก็ไม่รู้เรื่อง มันสับสน อาการแบบนี้ควรตัดแล้วมาอยู่กับกายให้มากขึ้นหรือปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะหยุด
ตอบ
ปล่อยไปทำไม ความคิดเหมือนอุจจาระ ยิ่งมากยิ่งเหม็น ยิ่งเล่นยิ่งเลอะ
ถาม
หนูลองปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆ บางครั้งหนูดันเข้าไปอยู่กับความคิดนั้น โดยเฉพาะเรื่องการปฏิบัติธรรมมันจะชอบทบทวนอารมณ์ที่ปฏิบัติ พอมันเริ่มไปไกลความรู้สึกที่กายมันจะลดลงจนลืมตัว
ตอบ
ไม่ใช่ทวน แต่เป็นการไหลตามอารมณ์ ชอบน้อยชอบมาก ชอบอะไรสิ่งไหนก็จะเข้าไปอยู่ในอันนั้น
ถาม
ดังนั้นตอนนี้เรื่องไหนที่มันคิดขึ้นมาแล้วเป็นเรื่องที่หนูชอบ มันจะชัดมากหนูจึงตัดมันทันที(ซึ่งมันค่อนข้างรู้สึกอึดอัดยังไงไม่รู้) แล้วเรื่องที่หนูไม่ใส่ใจก็จะปล่อยมันไป แล้วตอนที่มันหายไปกลับไม่ชัดเพราะไม่ค่อยจะสนใจดูมัน มันหายไปตอนไหนไม่รู้ รู้แต่ว่ามันไม่อยู่ สรุปว่าตอนนี้หนูควรทำแบบที่ทำอยู่นี้ หรือควรทำแบบไหนดีคะ
ตอบ
รู้อยู่แล้วว่าความคิดไม่ใช่ของจริง ทิ้งมันไปเถิด..รู้ตัวไปเรื่อยๆจิตจะคลายไปเอง.
๒๘๑.

ถาม
อยากให้หลวงตาให้คติเกี่ยวกับพระเครื่อง เครื่องราง ของขลังคุ้มครองได้จริงไหม
ตอบ
เครื่องรางคือนิมิตหรืออุปาทานให้จิตติดยึด เป็นรางรองรับจิตให้วิ่งตามนั้น
ของขลัง คือวัตถุอุปาทานขังจิตไว้ในที่มืด ไม่ให้ได้พบแสงสว่างหรือมีอิสรภาพ เรียกอีกอย่างว่าไสยศาสตร์ ความรู้ที่ทำให้จิตหลับไหลหลงงมงาย เครื่องรางของขลังเป็นเครื่องเหนี่ยวนำใจได้เฉพาะคนที่ยังไม่เกิดปัญญา คนที่ยังเชื่อความเชื่อ แต่สำหรับอริยชนผู้เห็นแจ้งอริยสัจแล้วไม่ใช่.
ไม่มีความคิดเห็น:
qa 271-280
๒๘๐.

ถาม
ศีลมีความสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเจริญสติหรือไม่ อย่างไร
ตอบ
มี ที่เป็นเหตุก็คือการระวังรักษาใจ ผลคือความปกติของจิต.
๒๗๙.

ถาม
นั่งสมาธิแล้วรู้สึกเหมือนแผ่นดินไหว คืออาการอะไรค่ะ
ตอบ
คืออาการความรู้สึกของจิต ไม่ใช่ความจริง แล้วแต่เราจะสมมุติตั้งชื่อให้มันว่าอะไร
ถาม
ปกติจะนั่งฟังพระบรรยายวิธีการทำสมาธิ โดยนั่งสมาธิไปด้วย แต่มีเสียงคนร้องเพลงแทรกในหัวเข้ามาจึงพยายามตัดเสียงนั้นทิ้งไปและตั้งใจฟังเสียงพระอย่างเดียว อยากถามว่าอาการนี้คืออะไรค่ะ
ตอบ
อาการไม่เห็นความคิด ไม่รู้เท่าทันมายาของจิต รู้ตัวให้มาก ฝึกสติรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ไม่ใส่ใจเรื่องอื่น รู้ รูป รส กลิ่น เสียง ความคิด อารมณ์ เกิดดับให้เป็นปัจจุบัน เท่านี้ก็พอแล้ว.
๒๗๘.

ถาม
ฝึกแบบเคลื่อนไหวเองตามweb นี้ ได้หรือไม่ ต้องมีอาจารย์สอนหรือไม่ ต้องระวังอะไรหรือเปล่า
ตอบ
มันแล้วแต่จิต ระวังไม่ให้เผลอ.
ถาม
การเก็บอารมณ์คืออะไร ทำเพื่ออะไร แล้วมีวิธีการอย่างไร
ตอบ
คือ การตั้งหน้าตั้งตาปรารภความเพียรชำระจิต เพื่อความสะอาดบริสุทธิ์ของจิต โดยการระลึกรู้ตัวอยู่เสมอ ให้ได้ในทุกอิริยาบถ.
๒๗๗.

ถาม
เวลาผมนั่งสร้างจังหวะแล้วง่วง ท่านอาจารย์มีวิธีแก้ยังไงครับ ผมทำด้วยวิธีลืมตาอ้าปากค้าง ผมรู้สึกว่าความง่วงมันหายไปแล้วมันก็กลับมาอีกแล้วผมก็ทำอีก ผมทำวิธีนี้ถูกไหมครับ
ตอบ
หนูเคยเห็นเขาชกมวยไหม การน็อคคู่ต่อสู้ใช่จะใช้อาวุธอะไรก็ได้ หมัด เท้า เข่า ศอก จระเข้ฟาดหาง หนุมานถวายแหวน มอญยันหลัก ฯลฯ การปฏิบัติธรรมคือการใช้สติต่อสู้กับกิเลส กาม โกรธ ฟุ้งซ่าน หงุดหงิด ขี้เกียจ ท้อถอย คิดมาก กล้า ๆ กลัว ๆ ลังเลสงสัยไม่มั่นใจ
ความง่วงเป็นหมัดเด็ดของกิเลส ต้องหาวิธีแก้อาวุธหลักของกิเลสตัวนี้ให้ได้ จะด้วยการปะทะตรง ๆ คือ แลกหมัด เช่น นั่งสร้างจังหวะ หรือเดินสู้กับมันครั้งละนาน ๆ เลยก็ได้ มันกลับมาอีกก็ทำอีก เห็นมันมาตอนไหนก็ไล่มันไปตอนนั้น เห็นเหตุปัจจัยมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ก็ละปัจจัยตรงนั้น ทำบ่อย ๆ ต่อเนื่อง จนกระทั่งเกิดความชำนาญ เป็นนิสัยกันเลยทีเดียว.
๒๗๖.

ถาม
ครั้งแรกที่โยมไปปฏิบัติธรรมกับหลวงตา โยมมีความเข้าใจเกี่ยวกับศีลห้าไม่สะอาดพอ ติดค้างในใจมาตลอด มีอยู่วันหนึ่ง โยมมองเห็นคำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องศีลห้าโดยตัวรู้ ณ เวลานี้ โยมเข้าใจและเกรงกลัวไม่กล้าทำผิดศีลห้าแบบถาวรแล้วค่ะ การรู้ครั้งนี้ของโยมแค่แผ่วๆ แต่อานุภาพรุนแรงมากแบบนี้แหละค่ะถึงจะเหมาะสมกับโยม
ตอบ
อนุโมทนาด้วยเลยจริง ๆ ที่เห็นทุกข์เป็นทุกข์ เห็นศีลเป็นธรรม มนุษย์ทุกคนหากรักษาธรรมประจำใจ แม้เพียงศีลห้าด้วยใจจริง มีหิริโอตัปปะเตือนใจตนอยู่เสมอ ไม่เผลอล่วงละเมิดธรรมนูญชีวิตคือศีลห้า ความเป็นคนชื่อว่าเราได้ทำหน้าที่สมบูรณ์แล้ว เหลือแต่จะเลื่อนขั้นจิต เพื่อใช้ชีวิตในภพภูมิที่สูงกว่านี้ต่อไป.
๒๗๕.

ถาม
อยากให้หลวงตาให้เทคนิคในการปฏิบัติ เพราะถ้าจบคอร์สนี้แล้วจะนำไปปฏิบัติเองต่อที่บ้าน ปัญหาก็คือ ถ้าปฏิบัติเองคนเดียว เวลาเดินจงกรมหรือสร้างจังหวะต่อเนื่องหลาย ๆ ชั่วโมงนั้น มันท้อแท้ เหนื่อย เบื่อ และอยากเอนหลังนอน ในที่สุดก็นอน จึงอยากให้หลวงตาให้เทคนิค จะได้มีกำลังใจปฏิบัติ แม้ว่าจะปฏิบัติเองคนเดียวที่บ้าน โดยไม่มีหมู่เพื่อนร่วมปฏิบัติและไม่มีผู้ใดมาช่วยดูแล จี้ กระตุ้นเรา
ตอบ
การที่ต้องทุกข์ทรมานว่ายวนอยู่ในสังสารวัฏ หลงติดอยู่ในภพในชาติ กินนอนอยู่ในความคิด ยึดติดอยู่ในกาย วัน ๆ ขวนขวายหาแต่ของที่ไม่มีจริง ชีวิตนั้นถูกลอยคออยู่กลางท่ามกลางมรสุมปานนี้ ยังไม่อยากหาที่มุงที่บัง หาสรณะที่พึ่งที่สิ้นทุกข์กันอยู่อีกหรือ.
๒๗๔.

ถาม
เมื่อเรากลับบ้าน เราต้องรักษาศีลพร้อมเจริญภาวนาหรือไม่ และถ้าเขารักษาศีลได้ไม่ครบ จะได้ไหม
ตอบ
ต้องรักษา... ไม่ครบก็ไม่เป็นไร เริ่มต้นใหม่ได้นิ ความพยายามมี ผลมันต้องเกิด... ศีลเป็นทั้งเหตุและผลของอารมณ์กรรมฐาน รักษาศีลไม่ได้แสดงว่าใจไม่มั่นคง หนักแน่นเพียงพอ กรรมฐานก็ไม่เจริญ
๒๗๓.

ถาม
ชีวิตที่ดีที่สุดคืออะไร วิธีไปสู่ชีวิตที่ดีทำอย่างไร?
ตอบ
การพ้นทุกข์ ชีวิตนิพพาน... ก็การเจริญสติปัฏฐาน 4 ไง
ถาม
วิธีทำให้สุขภาพดีและอายุยืน ทำอย่างไร?
ตอบ
กินพอดี นอนพอดี ใช้ชีวิตพอดี คิดให้พอดี
ถาม
วิธีเจริญสติมี่กี่วิธี (นอกจาก 2 วิธี)
ตอบ
โดยปรมัตถ์มีวิธีเดียวคือการกำหนดรู้ดูทุกข์ของรูปกับนาม ส่วนรูปแบบสมมุติก็แล้วแต่จะบัญญัติกันไป แค่รู้อยู่กับอาการ 32 ของร่างกาย มันก็มากมายจนนำมาจารนัยได้ไม่หมด.. เอาง่าย ๆ กำหนดรู้อาการกายนี้ตรงไหนได้เป็นวิธีกรรมฐานทั้งนั้นแหละ
ถาม
สติเกี่ยวข้องกับมรรค 8 อย่างไร?
ตอบ
สติเป็นแก่นของมรรค จะผสมอยู่ในมรรคทุกตัว
ถาม
โลกนี้-โลกหน้า คืออะไร?
ตอบ
โลกนี้ก็คือโลกนี้ โลกหน้าก็คือโลกหน้า แล้วแต่เราจะสมมุติเรียกกาลเวลาแต่ละขณะ ๆ จะสมมุติโลกแคบ ๆ หรือกว้าง ๆ ก็ได้ ยาว ๆ หรือสั้น ๆ ก็ได้ จะข้ามเป็นภพเป็นชาติไปโน้นเลยก็ได้
ถาม
ถ้าพยายามปฏิบัติเต็มที่แล้ว แต่ยังไม่ได้ดวงตาเห็นธรรมแสดงว่าไม่สามารถหลุดพ้นหรือเปล่าคะ (แต่เวลาฟังธรรมะรู้สึกเข้าใจได้ดี)
ตอบ
ใช่.. สัมมาวายามะ ความเพียรที่ถูกต้อง ต้องมีโยนิโสมนสิการเข้าไปประกอบด้วย
ถาม
การกำหนดรู้ในขณะปฏิบัติ เรานึกในใจไปด้วย ใช้ได้ไหมแบบนี้
ตอบ
ได้.. แต่ควรใช้การสังเกตมากกว่านึก.
๒๗๒.

ถาม
คำถามนี้อาจจะไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม แต่สงสัยว่าคนที่เขาเป็นทุกข์มาก ๆ หาทางออกไม่ได้และคิดฆ่าตัวตาย อย่างเช่นผู้ติดเชื้อ HIV เพราะอะไรเขาถึงว่าเป็นบาป ในเมื่อตามหลักสัจจธรรม คนเราต้องตายทุกคน และสังขารเป็นของไม่เที่ยง เขาหาทางออกในการดับทุกข์แบบนี้ เพราะอะไรจึงเป็นบาป
ตอบ
บาปคืออวิชชา ความไม่รู้แจ้งจึงทำให้เกิดโลภ โกรธ หลง หลงเข้าไปอยู่ในความคิดว่าการตายคือการพ้นทุกข์... จะมีเชื้อ HIVหรือไม่มีก็ตาม หากคิดฆ่าตัวตายด้วยอำนาจของความโลภ ความโกรธ ความหลงแล้วไซร้จิตย่อมเป็นทุกข์ เป็นบาปเสมอ.
๒๗๑.

ถาม
คนที่ฟังธรรมะ แล้วเขารู้สึกโล่ง อย่างเรื่องที่หลวงตาเล่าตอนเช้า ถ้าเขายังอยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบเดิมจะทำให้เขาเกิดทุกข์จนหาทางออกไม่ได้อีกครั้งหนึ่งหรือไม่
ตอบ
อยู่ที่ว่ามันโล่งขนาดไหน ถึงขนาดถอนอุปาทานเป็นมรรคเป็นผลได้เลยหรือไม่ หรือแค่โล่งเพราะปีติ อำนาจของสภาวธรรมที่ปรากฏจะเป็นตัวชี้บ่ง แต่หากแม้ยังไม่ถึง แต่หากได้พัฒนาต่อ รู้จักสำรวม ปรารภความเพียรอยู่อย่างสม่ำเสมอ แม้จะกลับไปอยู่ในสถานการณ์ไหนคนจริงก็ย่อมเห็นของจริง มีสัจจะสภาวะพึ่งได้เสมอ.
ไม่มีความคิดเห็น:
qa 261-270
๒๗๐.

ถาม
เห็นร่างกายกับรู้สึกตัวแยกกันบ้าง รวมกันบ้าง จะทำอย่างไรต่อดี
ตอบ
การกำหนดรู้คือกรรมวิธี จึงเอาสติออกมาเป็นผู้รู้ ผู้ดู ผู้เห็น ไม่ให้รวมเป็นตัวอุปาทานทุกข์... ให้ทำนาน ๆ ทำต่อเนื่อง ทำจนกระทั่งมันแยกได้ถาวร สติโตกว่านี้แล้วจิตจะพึ่งได้ จะเห็นร่างกายเป็นเพียงแค่นิมิตรกรรมฐานเท่านั้น
ถาม
เห็นร่างกายง่วงนอนแต่รู้สึกไม่ง่วงเลย ถูกหรือไม่
ตอบ
เริ่มดีขึ้น
ถาม
รู้สึกตัวกับจิตเป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่
ตอบ
รู้สึกตัวคือสติเกิดจากจิต แต่ไม่ใช่ตัวจิตทั้งหมด
ถาม
ปฏิบัติจบแล้ว กลับบ้านทำตัวอย่างไรดีครับ
ตอบ
ตัวทำอย่างไรก็ได้ แต่ใจต้องเดินอยู่ในมรรค ฝึกอยู่กับรูปนามอย่าอยู่กับความคิด
ถาม
กราบขอบพระคุณครับ
ตอบ
ไม่เป็นไร
๒๖๙.

ถาม
ถ้าการปรินิพพานไม่ได้หมายถึงตาย ทำไมหนังสือพุทธศาสนาที่สอนนักเรียนทุกยุคจึงบอกว่าพระพุทธเจ้าทรงดับขันธ์ปรินิพพาน และไม่ได้อธิบายอะไรต่อ จนเข้าใจว่าปรินิพพานคือการตาย
ตอบ
เรื่องการตายทางรูปกายกับการตายของอวิชชาเป็นสิ่งที่อธิบายคู่กันมาได้เสมอทุกยุคทุกสมัย เหมือนเปลือกกับเนื้อก็แล้วแต่ปัญญาของผู้ที่จะรับประทาน... การอธิบายที่มีรูปลักษณ์ประกอบนั้นง่ายต่อความเข้าใจ แต่จะถึงเนื้อหรือไม่อยู่ที่การพิสูจน์...ที่สำคัญอย่าหลงเห็นเปลือกว่าเป็นเนื้อ.. ตายเป็นเปลือก นิพพานเป็นเนื้อ... ตายเป็นเรื่องของธาตุ 4 ปรินิพพานเป็นเรื่องของขันธ์ 5 ... สุดท้ายอย่าได้เอาผิดเอาถูกกับอักษร คำพูดจนลืมพิสูจน์ศึกษา สภาวธรรมบางอย่างมิอาจสัมผัสได้ด้วยตา ด้วยความคิด อนิทัสสนะ ปฏิฆาธัมมา
๒๖๘.

ถาม
ในขณะที่ปฏิบัติ 3 วันแรกจิตจะว่างไม่คิดฟุ้งซ่านเลย มีเวทนาเกิดขึ้นอย่างเดียว พอวันที่ 4-5 เราจับเวทนาตัวนั้นได้ มันจะสลับไป- มา เมื่อไหร่เวทนาจะดับสนิทคะ
ตอบ
เวทนาทางกายดับได้ด้วยอิริยาบถ เวทนาทางจิตดับได้ด้วยการถอนอุปาทานความยึดติดออกไป... ความจริงหากถอนอวิชชาในขันธ์ 5 ได้ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่ทุกข์แต่เป็นธรรม เป็นธรรมชาติเช่นนั้นเอง
๒๖๗.

ถาม
ขณะที่มาปฏิบัติธรรม ขณะเดินจงกรมมักมีความคิดฟุ้งซ่านไปทางโลก ควรแก้ด้วยวิธีใด แต่รู้สึกไม่เป็นทุกข์เหมือนกับปล่อยวางได้ เช่น เรื่องงานและเรื่องส่วนตัว อย่างนี้ถือว่าบรรลุธรรมซักกี่เปอร์เซ็นต์คะ และขอให้ท่านแนะนำการปฏิบัติต่อไปค่ะ
ตอบ
หากฝึกสติไปด้วย คิดไปด้วยจะรู้สึกได้ว่าไม่เป็นทุกข์กับความคิด แต่นี่ยังไม่นับเนื่องเข้าในการบรรลุธรรม เธอต้องมีสติรู้ตัว รู้จิต รู้เท่าทันความคิดเกิดดับให้เร็วหรือชัดขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมันหายไปหมดโน้นน่ะ
๒๖๖.

ถาม
การขออธิษฐานก่อนทำบุญหรือทำสมาธิ มีผลจริงไหม ต้องขอหรือไม่ขอ โดยเฉพาะก่อนทำสมาธิต้องอธิษฐานให้ดีจะมีผลมากมายจริงหรือเปล่าคะ
ตอบ
อธิษฐาน คือการตั้งใจ ตั้งเป้าหมายไว้ว่าต้องเพียรทำไปให้ถึง... หากคิดจะขอคุณจะไปขอจากใคร ใครคือผู้มีอำนาจที่จะทำให้การขอนั้นสำเร็จผล หรือมองอีกในมุมหนึ่งตัวผู้ขอนั้นมีคุณธรรม คุณสมบัติที่จะได้รับตามคำขอนั้นหรือยัง... กุศโลบายมีไว้เพื่อสร้างความพร้อมให้กับคนที่ยังมีอินทรีย์อ่อนเท่านั้น
๒๖๕.

ถาม
การพิจารณาร่างกายขณะเจริญสติทำอย่างไร ในขณะทำงานเราไม่สามารถยกมือได้ ดังนั้นเราจะสร้างความรู้สึกหรือความรู้สึกด้านเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จากการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องได้อย่างไร โปรดอธิบาย
ตอบ
ร่างกายนิ่งหรือเคลื่อนไหวอย่างไร มีเวทนาอะไรปรากฏกับกายก็ให้รู้ อย่าเข้าไปเป็นเท่านั้นพอแล้ว... ขณะทำงานไป กายทำอะไรก็ให้รู้ จิตคิดอะไรก็ให้เห็น อย่าเผลอเข้าไปเป็นตามอารมณ์ที่มันเกิดก็แล้วกัน
๒๖๔.

ถาม
วันนี้มีอาการเบื่อหน่าย แต่รู้สึกตัวเองว่าจิตห้ามได้ สั่งได้ว่าห้ามเบื่อค่ะ ต้องเดินต่อเนื่องหรือสร้างจังหวะต่อไป ยิ่งเบื่อยิ่งทำมากขึ้น /อยากทราบว่าอย่างนี้เรียกว่าเป็นการพัฒนาเพิ่มขึ้นหรือลดลงค่ะ / ถ้าลดลงควรแก้ไขตนเองอย่างไรคะ / และแบบนี้เรายังตกอยู่ในความคิดของตัวเราเองอยู่หรือเปล่าคะ
ตอบ
ถือได้ว่าเป็นผู้มีความเพียร วิริยินทรีย์เริ่มเบ่งบานงอกงาม ซึ่งแน่นอนว่าน่าจะส่งผลให้อินทรีย์ตัวอื่นเช่น สติ สมาธิ ปัญญา งอกงามตามมา... แม้จะเป็นความคิดแต่ก็เป็นสัมมาสังกัปปะ มีคุณมากกว่าเป็นโทษ กุศลจิตนั้นเกื้อกูลการทำความเพียรเสมอ
๒๖๓.

ถาม
ขอให้หลวงตาอธิบายคำว่า “รูป-นาม” ให้ชัดเจนด้วย
ตอบ
รูป-นาม คือ การที่มีสติตื่นรู้อยู่กับกายได้โดยไม่ต้องกำหนดรู้
ถาม
อยากให้หลวงตาอธิบายคำว่า “ระเบียบกับยึดติด” เนื่องจากมีผู้ปฏิบัติธรรมมาใหม่ยังไม่เข้าใจ เช่น การนั่ง การเดินจงกรม ว่าทำไมต้องนั่งที่เดิม เค้าบอกว่านั่นคือการยึดติด แล้วมานั่งที่ผู้อื่น
ตอบ
ระเบียบวินัยอะไรก็ตาม เป็นกรอบของการรักษากายและใจให้เป็นไปในทางที่ถูกต้องเหมาะสม ไม่เบียดเบียนตนและคนอื่น มีศีล สมาธิ ปัญญาเป็นแกนกลาง จุดมุ่งหมายอยู่ที่การไถ่ถอนความไม่รู้แจ้งอันเกิดแต่จริตนิสัยตามใจ... ผู้ฉลาดย่อมนำเอาระเบียบมาฝึกฝนขัดเกลาจิตตน... ระเบียบที่ถูกต้องเป็นธรรมนำสุขมาให้ผู้สมาทานเสมอ
ความยึดติดมีฐานกำเนิดจากความไม่รู้จึงทำไปด้วยอำนาจอวิชชา ตัณหา ราคะ โทสะ โลภะ โมหะ
ถาม
เรียนถามเรื่องการแยกรูป-แยกนาม ให้กระจ่างชัดขึ้นได้อย่างไรคะ
ตอบ
หากเกิดความรู้ตัวทั่วพร้อม สมาธิตั้งมั่น ปัญญายถาภูตญาณเกิด รูปนามจะกระจ่างชัดขึ้นมาเอง
๒๖๒.

ถาม
ทำอย่างไรดีคะถึงจะได้ความรู้สึกเหมือนอยู่ที่วัด โยมทำเองได้รู้สึกแค่แผ่วๆ เหมือนที่หลวงตาเคยบอกไว้นิสัยโยมชอบให้มีอาจารย์คอยแนะแนว ขอความกรุณาจากหลวงตาช่วยสอนด้วยค่ะ
ตอบ
ทำเหตุให้เหมือนอยู่ที่วัด ผลมันก็จะออกมาเป็นเช่นนั้น ต้องทำให้ถึงธรรม ธรรมจึงจะให้ผล รู้จักสังเกต ละเอียดอีกหน่อย ค่อยเป็นค่อยไป อย่าใจร้อน อย่าขี้เกียจ ฝึกรู้ตัวให้สม่ำเสมอ กายพร้อม ใจพร้อม ธาตุ ขันธ์ อินทรีย์พร้อม...ธรรมก็พร้อม.
๒๖๑.

ถาม
1.ตามดูประมาณหนึ่งปี ระยะนี้จะรู้สึกถึงความแปลกปลอมที่เข้ามากระทบจิตได้เร็วและชัดขึ้น แม้แต่การดูหนังฟังเพลงหรือแค่นั่งใกล้คนอื่น จะรู้สึกถึงคลื่นที่ออกมากระทบใจเราแล้วจะรู้สึกแน่น อึดอัดที่หน้าอกมาก พอรู้แล้วก็ดับไป ปัญหาคือไม่ชอบเลย อยากถามว่าเราสามารถป้องกันไม่ให้คลื่นเหล่านี้เข้ามากระทบถึงใจเราได้อย่างไร
ตอบ
ไม่ต้องไปตามดู หากฝึกความรู้สึกตัวเข้มจะรู้เท่าทัน จากสติให้เป็นสมาธิ และป้องกันการกระทบได้และยิ่งจะดีมาก แต่หากทำให้ต่อเนื่องจะเห็นเหตุของอวิชชา ปัจจัย และความสลายไป นี่ก็คือปัญญา กระทบก็ช่าง สติเราต้องตั้งมั่นอย่าหวั่นไหวตาม ทำเหมือนเสาหินที่ถูกลมพัดยังไงอย่างงั้น ส่วนอาการที่เล่ามาค่อนข้างวิตกวิจารณ์อุปาทานมากไป ฝึกดูจิตกลับไหลเข้าไปในอาการเสียนี่
ถาม
2.จะรู้ถึงลางสังหรณ์ที่จะเกิดเรื่องร้ายๆหรือดีกับเราในอนาคตซึ่งเกิดจริงๆแม่นเกิน100% แต่ไม่ทราบว่าเหตการณ์จะเป็นยังไง เป็นเองตั้งแต่เด็กแล้ว ปัญหาคือไม่ชอบเลย ทำให้เรากังวลล่วงหน้า มีวิธีแก้ยังไงที่จะทำให้ไม่ต้องรู้สึกถึงลางสังหรณ์นี้
ตอบ
ฝึกสติ ปฏิบัติการล้างใจจริง ๆ จัง ๆ ซะสิ ปัญญาที่ได้จากการรู้แจ้งจะละลาย ล้างถ่ายถอน ล้างสังหรณ์ไปเอง.
ไม่มีความคิดเห็น:
qa 251-260
๒๖๐.

ถาม
หลังจากที่ผมกลับจากเบิกฟ้าธรรมาศรม ผมก็ปฎิบัติต่อที่บ้าน ความรู้สึกตัวที่เกิดขึ้นเป็นธรรมชาติมาก ราวกับเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องกำหนดเหมือนแต่ก่อน ผมสัมผัสได้ว่า ความรู้สึก กาย และ ความคิด แยกออกเป็น 3 ส่วน เหมือนเห็นความคิดสลับกับกาย เกิดดับอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อทำความรุ้สึกต่อไปเรื่อยอีก ความรู้สึกตัวมันเร็วมากจนแทบไม่เห็นความคิดที่เกิดขึ้นเลย มีแต่เพียงความรู้สึก รู้สึกๆ เพียงเท่านั้น ผมกลัวว่าจะเกิดอาการวิปลาสหรือบางอย่างที่ผิดปกติขึ้นเลยกลับมารู้กายให้ชัดขึ้นเพื่อให้มันหลุดออกจากอาการนั้น เพื่อไม่ให้มันถลำเข้าไป โดยพยายามรู้กาย 70 สลับกับความคิด 30 เนื่องจากผมปฏิบัติเองอยู่กับบ้านคนเดียว ห่างไกลครูบาอาจารย์ มาถึงตอนนี้ ผมพอเข้าใจสิ่งที่หลวงพ่อเทียนพูดว่าเมื่อหนูมันเห็นแมวมันก็จะช็อคตายเอง และเมื่อเวลาปลิงมันดูดเลือด เราไม่ต้องไปดึงมันออก แต่ใช้ใบยาและปูนกันหมากบีบลงไป ปลิงมันก็จะหลุดออกมาเอง ความคิดก็เหมือนกัน เราไม่ต้องไปตามดูความคิด เมื่อสติมันตั้งมั่นขึ้นมันก็จะไปเห็นความคิดเอง
ตอบ
อนุโมทนาในผลานิสงส์ของการกระทำ ธรรมใดก็ได้ค่า หากว่าทำจริง ๆ.
๒๕๙.

ถาม
เมื่อสติเป็นสมาธิ จะเห็นกายใหญ่กายเล็ก เห็นวิญญาณหรือสัญญา เมื่อเห็นปั๊บก็ดับเลย หรือเรียกว่ารู้ตัวทั่วพร้อมชั่วคราวได้ไหมครับ
ตอบ
ได้.
๒๕๘.

ถาม
ช่วงระยะเวลาในการยกมือสร้างจังหวะใช้ระยะเวลาช้าหรือเร็วขึ้นและลง กระผมได้เรียนรู้จากคลิปแล้ว เก็บสติได้ดีกว่าการหลับตามาก ขอความเมตตา
ตอบ
พยายามทำต่อไปเรื่อย ๆ ทำให้เข้มขึ้น สติต่อเนื่องความเข้าใจชีวิตจะปรากฏขึ้นมาเอง.
๒๕๗.

ถาม
จากการที่ได้เคยกราบเรียนหลวงตาที่วัดเรื่องการเห็นก้อนทุกข์หล่น แล้วหลวงตาได้อธิบายว่าเกิดจากการปฏิบัติแบบไม่เป็นระบบ และการหล่นครั้งนี้ยังไม่ถาวร แต่ถ้าหล่นอีกครั้งจะถาวร
1. จะปฏิบัติต่อไปอย่างไรคะ เพื่อให้หล่นแบบถาวร เพราะที่ผ่านมา ฝึกปฏิบัติจากการอ่าน การฟัง เข้าคอร์สที่วัดหลวงตาเป็นครั้งแรกค่ะ
ตอบ
รู้ตัวกาย ตัวจิต สลัดทิ้งความคิดให้สม่ำเสมอ
ถาม
2. จากที่เห็นความคิด อยู่ส่วนความคิด ไม่วิ่งไปกระทบทำให้ใจเกิดทุกข์เกิดสุข สภาวะแบบนี้ถือว่าเข้าสู่เส้นทางวิปัสสนาหรือยังคะ
ตอบ
เข้าสู่เส้นทางแล้ว - ปล่อยวางกาย วางเวทนา วางจิตและอารมณ์ไว้ ใจรู้ใจคือสติวิปัสสนา.
๒๕๖.

ถาม
ที่ว่าเจริญสติให้ต่อเนื่อง อย่างไรถึงเรียกว่าต่อเนื่อง เวลาทำงานที่ต้องใช้ความคิด ก็ไม่สามารถจะทำต่อเนื่องได้ ต้องทำอย่างไร สติถึงไม่ขาดสายครับ
ตอบ
คือการกำหนดรู้อยู่ตลอดเวลา รู้กายเคลื่อนไหว รู้ใจนึกคิด เวลาทำงานอยู่มันคิดก็ให้รู้ ไม่คิดก็ให้รู้ ใช้ความคิดได้แต่อย่าให้ความคิดใช้เรา เราอย่าเข้าไปอยู่ในความคิด คิดด้วยสติ รู้คิดจิตจะว่างจากอัตตาตัวตน ความต่อเนื่องจะเกิดขึ้นหลังจากจิตปล่อยวางเป็นสมาธิ มีปัญญาปล่อยวางได้ระดับหนึ่งแล้ว ในเบื้องต้นนี้คงทำได้เป็นช่วง ๆ บางเวลา กาลเทศะ แม้จะคิดหรือกำลังใช้ความคิด หากไม่ยึดติด จิตก็จะวิ่งผ่านหลุมเวทนา ตัณหา อุปาทานมาได้ กลับสู่เส้นทางการรู้สึกตัวได้อีก เหมือนการเดินทางแวะพักกินน้ำ กินข้าวแล้วก็เดินทางต่อไปอีกได้ สรุปก็คือคิดก็ได้ แต่ให้รู้คิดและรีบกลับเข้าสู่มรรควิถี คือ รู้สึกตัวสลัดความคิดอุปทานกลับสู่ฐาน 4 ให้ได้.
๒๕๕.

ถาม
เวลาที่จิตของเราคิดไปโดยไม่มีจุดมุ่งหมาย จนบางครั้งตังเราเองก็ไม่สามารถควบคุมจิตได้ เราต้องทำอย่างไรในขณะที่กำลังคิดครับ
ตอบ
ใช้สติประคองจิตไว้ ไม่ให้มันตกลงไปในอารมณ์ที่ลึก ๆ ออกยาก ๆ โดยการเจริญสติเติมสมาธิไปเรื่อย ๆ ไม่เข้าไปอยู่ ไม่ใส่ใจ ปล่อยใจไปในความคิดอันนั้น หรือเบี่ยงเบนความสนใจไปทำอย่างอื่นเสียก็ได้ พบปะสนทนากับกัลยาณมิตรผู้รู้ที่สามารถชี้แนะแก้อารมณ์ได้ จะโดยความคิดเป็นอนิจจังเกิดได้ ดับได้ เป็นอนัตตาคือไม่มีตัวตน ถูกสมมุติมาจากอวิชชา หากสติต่อเนื่องเห็นแจ้งแทงทะลุได้ อนัตตาตัวจริงก็จะปรากฏ.
๒๕๔.

ถาม
เราสร้างจังหวะแล้วมือเบาเหมือนไม่มีมือทุกครั้งที่กำหนดการสร้างจังหวะ เมื่อก่อนมือหนัก แต่ตอนนี้เบาตลอด
ตอบ
ทำเพื่อรู้จะเบา ทำเพื่อเอาจะหนัก.
๒๕๓.

ถาม
เวลาปฏิบัติสร้างจังหวะเดินจงกรมมักจะคิดถึงเรื่องลูกเป็นห่วงลูกอย่างเดียวต้องทำอย่างไรครับ
ตอบ
ความรู้สึกตัวยังอ่อน ไม่แหลมคม ตัดอารมณ์พื้น ๆ ยังไม่ได้ ต้องทำให้ต่อเนื่องมาก ๆ.
ถาม
การสร้างจังหวะขึ้นอยู่กับระยะเวลาหรือไม่ครับ
ตอบ
ขึ้นอยู่กับการกระทำ.
๒๕๒.

ถาม
หนูอยากมาปฏิบัติธรรมที่วัด แต่บางครั้งหนูมักจะมีอาการของโรคสำไส้อักเสบ ต้องทานยา ถ้ามาที่วัดแล้วต้องทานยาหลังอาหารจะทำอย่างไรดีคะ
ตอบ
พุทธธรรมสอนเรื่องเหตุปัจจัย ทุกข์คือปัญหา สมุทัยคือเหตุปัจจัย นิโรธคือการสิ้นเหตุปัจจัย มรรคคือหนทางที่เกิดจากการปฏิบัติตามเหตุปัจจัย ทุกข์กายแก้ไขอิริยาบถและปัจจัย 4 แต่ทุกข์ใจหรือทุกข์ภายในต้องแก้ด้วยสติปัฏฐาน 4
การปฏิบัติธรรมคือการฝึกตาทิพย์ ดูกายดูใจ ดูภายนอกภายใน ดูเท็จดูจริง เห็นแจ้งด้วยปัญญา แล้วก็แก้ไขตามเหตุปัจจัยนั้นๆ พระชีที่วัดป่วยก็กินยาปกติ แต่บางรูปบางองค์ก็ไม่กินปกติ บางท่านกินหรือไม่กินก็ปกติ บางคนเน้นที่ปกติกาย บางคนเน้นที่ปกติจิต บางคนเน้นทั้งสอง อันนี้ก็แล้วแต่เหตุปัจจัยแห่งธรรมที่สัมผัส.
๒๕๑.

ถาม
ผมได้ฝึกปฏิบัติธรรมด้วยตนเองที่บ้านโดยการภาวนาพุทธโธกับการเจริญสติโดยอาศัยแนวของหลวงพ่อเทียนโดยจากการอ่านหนังสือและฟัง CD แล้วปฏิบัติเอง ในคืนหนึ่งพอผมอ่านหนังสือและกำลังจะหลับ ปรากฏว่ามีความสว่างโพลงอยู่และมีความรู้สึกว่าเห็นอาการของกายพร้อมกันทุกส่วน เช่น นิ้วเท้ากระดิก แขนกำลังยก มือกำลังวางหนังสือ เป็นต้น โดยเห็นเป็นภาพช้ากว่าปกติ มีความรู้สึกว่าเห็นได้พร้อมกันทุกจุดอย่างชัดเจน และเห็นว่ามือกำลังวางหนังสือลง ถอดแว่นตาค่อยๆ วางและเปลือกตาค่อยๆหลับลงไป แล้วก็หลับสนิทไม่ได้ฝันอะไรเลย ตื่นขึ้นมายังจำความรู้สึกนี้ได้ กราบเรียนถามหลวงตาว่าอาการนี้คืออะไรครับและควรทำอย่างไรต่อไป
ตอบ
คือการรู้กายในกาย หรือรู้รูปนาม ควรฝึกให้สติมีความต่อเนื่องในทุกอิริยาบถซึ่งจะเกิดปัญญาเห็นรายละเอียดอีกมากมาย จนสติสามารถเห็นจิตในจิตได้อย่างแจ่มแจ้ง เห็นความคิดหรือเห็นนามรูปซึ่งเป็นอารมณ์ที่สอง ความยากง่ายก็ไม่ต่างจากอารมณ์รูปนาม แต่การที่จะเกิดปัญญาทำลายกิเลสตัณหาอวิชชาที่เห็นนั้น ต้องมีความแหลมคมเฉียบขาดเด็ดเดี่ยวจึงจะทำได้ แต่ก็ไม่เกินวิสัยของคนจริงดอก.
ไม่มีความคิดเห็น:
qa 241-250
๒๕๐.

ถาม
เวลาที่จิตของเราคิดไปโดยไม่มีจุดมุ่งหมายจนบางครั้งตัวเราเองก็ไม่สามารถควบคุมจิตได้เราต้องทำอย่างไรในขณะที่กำลังคิดครับ
ตอบ
ไม่ต้องไปควบคุมมัน เพียงเฝ้าดู รู้เห็น รู้อยู่กับกาย เพียงเท่านี้จิตก็จะไม่หลงไปกับความคิด ความคิดมันล่องลอยออกไปที่อื่น เพราะเรารู้ตัวไม่ชัด รู้ตัวไม่พัฒนาสู่ปีติ – สมาธิ – ปัญญาได้ มันก็เป็นแบบนี้แหละ.
๒๔๙.

ถาม
กระผมเพิ่งเริ่มฝึกสติครับ ตื่นตีสามครึ่งนั่งสร้างจังหวะสู้กับความง่วง ขณะกำลังสู้กับความง่วงอยู่รู้สึกขนลุกคล้ายปิติพอเกิดก็รู้สึกความง่วงก็หายไปทำให้รู้สึกตัวดีขึ้น พอสร้างจังหวะไปสักพักก็ง่วงอีกสลับกับเกิดขนลุกขนพอง กราบเรียนถามหลวงตาว่าสภาวะที่เกิดต้องแก้ไขอย่างไรและควรวางจิตอย่างไรเวลาเกิดความง่วงครับ
ตอบ
รู้ตัวให้ชัดเจน ช่วงฝึกใหม่ ๆ ใจจะเกิดปีติ หากฝึกจนเกิดความชำนาญ นานไปใจจะเป็นสมาธิตั้งมั่นเองเลย ความง่วงก็เช่นกัน เมื่อสติรู้ตัวต่อเนื่อง จิตตื่นเบิกบาน ความง่วงมันหายไปเอง หากนั่งเจริญสติความง่วงมันเยอะก็ให้ลุกเดินจงกรมสลับกันไปมาได้.
๒๔๘.

ถาม
ก่อนหน้านี้เคยส่งคำถาม หลวงตาได้เมตตาแนะนำจนเข้าใจ และได้ปฏิบัติต่อมา คือให้มีสติรู้การเคลื่อนไหวของกายและใจ เฝ้าดูเขา ฝึกปฏิบัติไปเรื่อย ความทุกข์ก็เบาบางลง มีความสุขที่ได้ปฏิบัติแบบขยับมือ จนวันนี้จิตใจเปลี่ยนแปลง แน่ใจว่ามันไม่เหมือนเดิม สภาวะนี้เป็นมา 3 เดือนกว่า ขออธิบายตามที่เห็นนะครับ ตอนนี้เห็นความทุกข์อยู่ห่างๆ เห็นอีกตัวที่พยายามจะแทรกแซงจิต มันคอยจะรวมเป็นก้อนทุกข์ ถ้าไม่ดิ้นรนทำอะไรจิตก็จะเบาสบาย ถ้ามีการเข้าไปทำจะเห็นแว๊บๆ แล้วมันก็ดับ เจ้าอารมณ์ก็จะเป็นอิสระจากการแทรกแซง เหมือนปัญหาตอนนี้ไม่ได้เกี่ยวกับจิตแล้ว
ปัญหาที่เข้าใจคือ เพราะมีการแทรกแซงจิต หรือความดิ้นรนอยากให้จิตดีเลยเกิดความทุกข์ การปล่อยให้จิตเป็นอย่างที่เขาเป็นจะไม่มีการทำอะไรกับอะไร มันเลยเบาๆ โล่งครับ แต่ช่วงที่ขยับมือตามจังหวะ จิตจะเบาโล่งมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าเลย สิ่งที่ปฏิบัติอยู่คือ พยายามเป็นกลางต่อสภาวะ ไม่ดิ้นรนแทรกแซงจิต ปล่อยจิตให้เขาเป็นอย่างที่เค้าเป็น แต่อดสงสัยไม่ได้ครับ เมื่อก่อนจะดูการทำงานของจิตอย่างเดียว แต่พอเห็นความอยากที่จะบังคับจิต หรือความดิ้นรนอยากให้จิตดีเกิดขึ้น ถ้าเปลี่ยนมาดูความดิ้นรนหรือความอยากบังคับจิตจะผิดไหมครับ
ตอบ
ไม่ผิด จะดูจิตหรือธัมมารมณ์ที่เกิดกับจิตก็ได้ทั้งนั้น แต่ให้แยกผู้ดูกับตัวทุกข์ออกจากกันให้ชัดเจน จะได้ไม่หลงเอากิเลสเป็นธรรม.
๒๔๗.

ถาม
ขณะนี้เห็นทันทุกข์ และคิดสั้นลงมาก เห็นทุกข์ เห็นเวทนาของกาย ของใจ มันอยู่ห่างๆ ตั้งแต่รู้รูปนาม แต่ว่าอยู่ห่างครูบาอาจารย์ได้แต่ฟังเสียงหลวงตาจาก mp3 เรียนถามหลวงตาว่าจะปฏิบัติต่อไปอย่างไรครับ
ตอบ
ทำอย่างเดิมนั่นแหละ ดูอาการของรูปของนามให้ละเอียดกว่าเดิม ศึกษาวิธีไม่ให้จิตติดไปกับความคิดปรุงแต่ง พยายามฝึกสติตัวรู้ให้คม ให้ดับได้ตัดได้ในทันทีที่มันผุดออกมา.
๒๔๖.

ถาม
ตั้งแต่ได้มาศึกษาธรรมะประมาน 1 เดือนแบบจริงจัง ทำให้ผมอยากบวชมาก แต่ผมมีบุตร 1คน ภรรยา 1 คน ผมมีอาชีพรับราชการ มีความเลื่อมใสมาก จนอยากลาออกมาบวช แต่ทุกคนห้ามไว้ แต่ผมยังไม่ล้มเลิกความคิด คือ ผมคิดว่าการปฏิบัติทุกวันนี้ไม่อาจทำให้ผมถึงจุดสูงสุดได้คือนิพาน ผมควรจะทำยังไงครับผมยังแน่วแน่อยู่ครับ
ตอบ
กำลังแห่งศรัทธานี้เป็นทรัพย์อย่างหนึ่ง เกิดขึ้นกับจิตผู้ใด ทำให้ใจผู้นั้นมีความพร้อม เรียกว่า บารมีเริ่มมา ก่อนที่ปัญญาจะเกิด อาจใช้วิธีทดลองฝึกช่วง 5 – 7 วันดูก่อน หรือลาบวช 1 พรรษา เพื่อแสวงหาคำตอบประกอบการตัดสินใจอีกครั้ง.
๒๔๕.

ถาม
ตอนนี้หนูทำรูปแบบโดยใช้วิธีของหลวงพ่อเทียนค่ะ คือ ยกมือสร้างจังหวะและเดินจงกรมซึ่งจะไม่มีการบริกรรม แต่พอชีวิตประจำวัน ต้องทำงานเสริฟอาหาร ก็จะดูกายเคลื่อนไหวไปด้วย แต่ส่วนมากจะใช้การบริกรรมพุทธโธค่ะ พอเพื่อนหนูทราบเข้าเลยบอกว่าจะทำให้เป็นการตีกันหรือเปล่า ทำไมไม่ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะทำแบบนี้จะตีกัน และทำให้ไม่ก้าวหน้า ขอความเห็นจากพระอาจารย์ด้วยค่ะ
ตอบ
หากยังไม่เกิดการสัมผัสสติที่แท้ ความไม่ลงตัวของวิธีการย่อมมี ไม่เป็นไรหากทำแล้วไม่ก้าวหน้า ค่อยเลือกทำเอาเฉพาะวิธีใดวิธีหนึ่ง.
๒๔๔.

ถาม
การให้รู้สึกตัว คือ การมารู้สึกกายล้วนๆรึเปล่าคะ แล้วเมื่อเรารู้สึกที่กายได้แล้ว ก็ให้รู้สึกแนบแน่นลงไปอีกรึเปล่าคะ
ตอบ
รู้กายเพื่อให้เห็นแจ้งธรรมชาติของกาย เช่น เป็นทุกข์ ทนได้ยาก แปรเปลี่ยน ไม่อยู่ในอำนาจจะบังคับได้ ปรากฎการณ์นี้จะประจักษ์ได้เมื่อจิตเป็นสมาธิ คือ รู้รูปกายได้อย่างต่อเนื่อง อิสระ ไม่เพ่งจิตไป ณ จุดใดจุดหนึ่ง หากสมาธิมากพอก็จะรู้เห็นตามอารมณ์ที่สอง คือ ความคิด หากจิตตั้งมั่นได้ก็จะเห็นไตรลักษณ์ในนามรูปได้เช่นเดียวกัน.
๒๔๓.

ถาม
1. เวลาทำงานไม่ค่อยมีสมาธิในการทำงาน ควรทำอย่างไรดีคะ ?
ตอบ
ฝึกขยันกำลังรู้ให้บ่อยๆ ต่อเนื่องนานๆ
ถาม
2. เป็นคนที่โมโหง่าย ใครทำอะไรไม่พอใจก็โกรธแต่ไม่นานก็หาย ควรทำอย่างไรดีคะ
ตอบ
ความโมโหเป็นเหตุทำให้จิตเศร้าหมอง สะสมปฏิฆะนุสัย หมั่นสังเกตอาการที่เป็น และเวลาที่อาการมันหายไปบ่อยๆและให้ชัดเจน ฝึกให้เห็นการเกิด-ดับของอารมณ์ให้ถี่ๆ อาการนี้จะค่อยจางคลายมลายไปได้ในที่สุด.
๒๔๒.

ถาม
หนูมีโอกาสได้ไปฝึกภาวนายกมือสร้างสติกับเพื่อนมา 3วัน วันแรกยังไม่ลงตัว ง่วงมาก ต่อสู้กับความง่วง ความเบื่อเหมือนเคย ได้รู้จักคำว่ารู้สึกตัวเป็นครั้งแรก ครูฝึกสอนให้ยกมือแบบช้า ๆ ช้ามากๆๆ ช้าจนแทบขาดใจ (สำหรับตัวเองนะคะ) และให้ตั้งใจทำ แต่รู้สึกตัวได้ดีมากเลยค่ะ
ตอบ
อนุโมทนา...เอาความพอดี ช้าหรือเร็วก็ได้ ทดลองดูไปก่อน อย่างไหนดีเอาอย่างนั้น
ถาม
วันที่สองได้เห็นว่า ระหว่างที่ยกมือช้าๆ เห็นความรู้สึกตัว ได้เห็นขันธ์ทำงานหลายๆ อย่างพร้อมๆ กัน เช่น ระหว่างยกมือ ท้องมันก็พองยุบไปตามแรงหายใจ ลมหายใจก็ทำงานของเค้าอยู่ชีพจรเต้นไหว เห็นความยิบยับ(เรียกอะไรไม่รู้)ในร่างกายเรา
ตอบ
เห็นอาการกายในกาย กายาคตาสติ กายานุปัสสนา
ถาม
วันที่สาม ในระหว่างที่หยุดมือ ก็ยังมีความรู้สึกตัวอยู่ตลอด ความรู้สึกตัวเค้าทำงานอยู่ตลอดเวลาถ้าเราตั้งใจ หนูสงสัยว่า การทำช้า ๆ แบบที่หนูฝึกจะเป็นการเพ่งหรือไม่คะ เพราะเคยทำแบบที่เคยทำ ไม่เคยเกิดสภาวะธรรมแบบนี้เลย
ตอบ
ยาที่เราคิดว่าถูกโรค แต่เมื่อกินไปนานๆ จึงรู้ว่ามีผลข้างเคียง....ถ้าไม่เพ่งลองทำไปนานๆ ดูสิมันจะเป็นอย่างไร อึดอัด โปร่งโล่ง เครียด เบื่อ สติเจริญหรือแคระแกรน เราจะรู้ หลังจากนั้นเหมือนปลูกต้นไม้นั่นแหละ บางทีก็ติด ดูเหมือนมีราก แต่ไม่เจริญเติบโตสักทีก็มี สังเกตดูให้ดี.
๒๔๑.

ถาม
เมื่อก่อนไม่ค่อยจะเห็นความคิดของตัวเอง มีความเข้าใจว่าตัวเองคิดน้อย ไม่ค่อยคิด ช่วงหลังๆมาเห็นความคิดเยอะมากมายจนมึนหัว กราบเรียนถามหลวงตาว่าควรทำอย่างไรต่อคะ (ใช้วิธีการปฏิบัติขณะทำงานบ้านไม่ได้เดินจงกรม)
ตอบ
เห็นความคิดเกิดดับได้ แสดงว่าจิตเรามีสมาธิ เกิดไม่เห็นดับสลายหายไป มันจะเกิดการสะสมมึนหัว เบื่อหน่ายชีวิต ติดอารมณ์ ต้องขยันประคองพุทธภาวะ หรือตัวรู้เพื่อให้เข้ามาอยู่ในจิตแทนตัวหลงคิด สติน้อยจิตจะคอยหนีตามไปอยู่กับความคิดเสมอ หมั่นฝึกฝนความรู้ตัวให้มาก อย่าให้จิตพลัดพรากจากปัจจุบันอารมณ์
ไม่มีความคิดเห็น:

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น